ความหลากหลายทางชีวภาพ

ความหลากหลายทางชีวภาพ
พืชและการปรับตัวของพืชในป่าชายเลน
ประเภทของป่าชายเลน
การแบ่งประเภทป่าชายเลน
ป่าชายเลนสามารถแบ่งตามลักษณะสภาพแวดล้อมของพื้นที่ที่ป่าชายเลนขึ้นอยู่ได้ 2 ประเภท คือ
















1. ป่าชายเลนที่อยู่บริเวณปากแม่น้ำหรือน้ำกร่อย
ป่าชายเลนประเภทนี้พบขึ้นอยู่ตามริมแม่น้ำและร่องน้ำที่ได้รับอิทธิพลจากน้ำจืดมาก โดยพื้นที่ป่าชายเลนด้านที่ติดกับทะเล จะมีต้นไม้ขึ้นอยู่หนาแน่น และมีจำนวนชนิดต้นไม้มากกว่าบริเวณที่ห่างจากทะเลขึ้นไป หรืออยู่ทางด้านต้นน้ำจืด ได้แก่ ป่าชายเลนปากแม่น้ำกันตัง และแม่น้ำปะเหลียน จังหวัดตรัง ป่าชายเลนในจังหวัดระนอง และจังหวัดพังงา เป็นต้น
2. ป่าชายเลนที่อยู่ริมทะเล
ป่าชายเลนประเภทนี้จะพบตามบริเวณชายฝั่งหรือปากแม่น้ำสายเล็กๆ ซึ่งได้รับอิทธิพลจากน้ำจืดน้อย หรือมีน้ำจืดไหลลงสู่บริเวณป่าชายเลนในปริมาณน้อย น้ำในป่าชายเลนประเภทนี้ส่วนใหญ่จะเป็นน้ำทะเล พื้นที่ป่าชายเลนประเภทนี้ได้แก่ ป่าชายเลนที่พบขึ้นตามเกาะต่างๆ ซึ่งมีบริเวณขนาดเล็ก
รูปแบบโครงสร้างของป่าชายเลน
   รูปแบบโครงสร้างของป่าชายเลน สามารถแบ่งได้อย่างกว้างๆ 5 แบบ ได้แก่
1. Fringe forests เป็นลักษณะของป่าชายเลนที่อยู่บนชายฝั่งที่มีความลาดชันน้อย พบทั่วไปบริเวณชายฝั่งของแผ่นดินใหญ่และเกาะใหญ่ๆ มักพบป่าประเภทนี้อยู่บริเวณที่เป็นอ่าวเปิด และได้รับอิทธิพลจากคลื่นลมไม่แรง ป่า ชายเลนประเภทนี้ถ้าพบบนเกาะจะอยู่เหนือระดับน้ำทะเลสูงสุด
2. Basin forests เป็นลักษณะป่าชายเลนที่เป็นพื้นที่ต่ำ น้ำท่วมและขังอยู่ มักพบขึ้นอยู่บนฝั่งที่ติดป่าบก สัมผัสกับน้ำจืดจากบนบก และน้ำกร่อยนานกว่าป่าชายเลนที่อยู่ตามชายฝั่ง ป่าชายเลนประเภทนี้มีพืชอิงอาศัยขึ้นอยู่มาก เช่น กล้วยไม้
ที่มา:http://www.sc.psu.ac.th/chm/biodiversity/mangrove_envi.html
3. Riverine forests เป็นลักษณะป่าชายเลนที่ขึ้นบนร่องน้ำ หรือทางน้ำจืดที่ไหลลงสู่ทะเล
4. Overwash forests เป็นลักษณะป่าชายเลนที่ขึ้นบนที่ราบน้ำทะเลท่วมถึง และได้รับอิทธิพลจากกระแสน้ำขึ้นลงอย่างสม่ำเสมอ
5. Dwarf forests เป็นลักษณะป่าชายเลนที่ขึ้นบนบริเวณที่มีปัจจัยจำกัดการเจริญเติบโต โดยทั่วไปจะเป็นไม้พุ่มเตี้ย ๆ ประมาณ 2 เมตร มักพบในบริเวณที่แห้งแล้งกว่าบริเวณอื่น
พรรณพืชในป่าชายเลน
    ป่าชายเลนประกอบไปด้วยพรรณไม้นานาชนิด เราสามารถพบเห็นได้ทั้งไม้ยืนต้น พืชกาฝาก เถาวัลย์ และสาหร่าย พรรณไม้ในป่าชายเลนเกือบทั้งหมดเป็นไม้ไม่พลัดใบ และพืชเหล่านี้มีความทนทานต่อสภาพความเค็มได้ดี
ประเทศไทยมีพรรณไม้ในป่าชายเลน 74 ชนิด ซึ่งพรรณไม้ที่เด่นและเป็นไม้ที่สำคัญในป่าชายของไทยนั้น ได้แก่ โกงกาง แสม โปรง ถั่ว ลำพู ลำแพน และตะบูน เป็นต้น พรรณไม้เหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสมดุลของระบบนิเวศป่าชายเลน
เอกลักษณ์ของป่าชายเลนที่ทำให้แตกต่างจากป่าบกอย่างชัดเจน คือ การแพร่กระจายของพืชพรรณที่มีลักษณะแบ่งออกเป็นแนวเขต (zonation)โดยพรรณไม้แต่ละชนิดจะขึ้นเป็นแนวเขตหรือเป็นโซน ค่อนข้างแน่นอน แต่การแบ่งเขตของพืชในพื้นที่แต่ละแห่งจะแตกต่างกันไป โดยขึ้นอยู่กับลักษณะทางกายภาพและเคมีภาพของดิน ความเค็มของน้ำ การท่วมถึงของน้ำทะเล กระแลน้ำ การระบายน้ำ และความเปียกชื้นของดิน
โกงกางใบใหญ่ (Rhizophora mucronataเป็นพืชที่มีลำต้นตั้งตรงแตกกิ่งก้านเป็นพุ่มบริเวณเรือนยอด ช่อดอกขนาดใหญ่ มี 3-5 ดอก และกลีบดอกมีขนปกคลุม ใบมีขนาดใหญ่ สีของหลังใบจะมีสีอ่อน ท้องใบเป็นสีเหลือง ผิวเปลือกหยาบ รากโค้งจรดดิน ไม่หักเป็นมุมฉาก ซึ่งเป็นลักษณะที่ต่างจากไม้โกงกางใบเล็ก
โกงกางใบเล็ก (Rhizophora apiculata) ลักษณะคล้ายคลึงกับโกงกางใบใหญ่มาก แต่แตกต่างกันที่ ชนิดนี้มีใบขนาดเล็กกว่า ท้องใบเป็นสีเขียวอมดำ ปลายใบเป็นติ่ง ช่อดอกเล็กกว่า เพราะมีเพียง 2 ดอก และที่สำคัญกลีบดอกไม่มีขน รากหนึ่งหรือสองรากที่ทำมุมตั้งฉากกับลำต้น และหักเป็นมุมฉากลงดิน
แสมขาว (Avicennia albaเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง-ใหญ่มักขึ้นปะปนกับแสมทะเล ลักษณะเด่นที่ ใบเป็นใบเดี่ยวรูปหอกแกมรี ปลายใบแหลม ด้านท้องใบมีขนยาวนุ่ม ดอกออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ขนาดเล็ก ผลรูปคล้ายพริกชี้ฟ้า หรือรูปไข่ เบี้ยว แบน มีรากหายใจคล้ายดินสอ
แสมทะเล (Avicennia marinaเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ที่พบมากในพื้นดินงอกใหม่และที่ดินเลนปนทราย แผ่นใบรูปรีหรือรูปใบหอกแกมรูปไข่ ขอบใบม้วนเข้าหากัน ท้องใบสีขาวนวล ดอกออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ผลรูปไข่กว้าง เบี้ยว เกือบกลม แบนด้านข้าง

แสมดำ (Avicennia officinalisใบเป็นใบเดี่ยวรูปรี หรือไข่กลับ ผิวด้านบนสีเขียวเป็นมัน ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง สีเหลืองหรือส้ม ผลรูปหัวใจเบี้ยวแบน เปลือกอ่อนนุ่ม สีเหลืองปนเขียว ลำต้นมีสีน้ำตาลเข้ม มีรากคล้ายรากดินสอ
โปรงแดง (Ceriops tagalเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงปานกลาง ชอบดินที่มีสภาพเป็นกรดและค่อนข้างเป็นที่ดอน มีลำต้นสีเหลืองถึงสีปูนแห้ง ใบรูปไข่กลับ ปลายใบมน ดอกออกเป็นกระจุกตามง่ามใบ แต่ละช่อมี 4-8 ดอก ผลเป็นรูปแพร์กลับ สีเขียวถึงน้ำตาลอมเขียว
พังกาหัวสุมดอกแดง (Bruguiera gymnorrhiza) เป็นพืชที่ชอบขึ้นใน ดินเลนแข็งและน้ำท่วมถึง ลำต้นมีสีดำ เปลือกเป็นเกล็ดหนา ลำต้นกลมมักจะพบลักษณะเป็นพูพอน ใบคล้ายใบโกงกางใบเล็ก แต่ต่างกันที่ไม่มีจุดสีดำที่ท้องใบ ดอกมีสีแดงสด ออกดอกตลอดปี
พังกาสุมหัวดอกขาว (Bruguiera sexangula) ลักษณะคล้ายพังกาหัวสุมดอกแดง แต่ดอกมีสีขาว มีโคนต้นและลำต้นที่กลม ส่วนเปลือกเรียบกว่า พบมากบริเวณที่ความเค็มต่ำ
ลำพูทะเล (Sonneratia albaเป็นไม้เบิกนำของป่าชายเลนเช่นเดียวกับแสม ใบเป็นสีเขียวอ่อน ปลายมนคล้ายรูปหัวใจกลับด้าน ก้านใบด้านหลังและสีด้านในกลีบเลี้ยงเป็นสีชมพูสวยงามมาก มักพบขึ้นปะปนกับแสม มีรากอากาศขนาดใหญ่ที่แทงขึ้นมาจากพื้นดินเห็นได้ชัดเจน บนต้นลำพูนี่เองที่หิ่งห้อยชอบอาศัยอยู่และส่งแสงกระพริบในเวลากลางคืน
ตะบูนดำ (Xylocarpus granatumเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ผลัดใบ ลำต้นเปลาตรง โคนต้นมีพูพอนเล็กน้อย มีรากหายใจคล้ายรูปกรวยคว่ำ ผลค่อนข้างกลม มีร่องเล็กน้อยสีเขียว พบในบริเวณที่เป็นดินค่อนข้างแข็ง
ฝาดดอกแดง (Lumnitzera littoreaเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง-ใหญ่ เปลือกสีน้ำตาลีรอยแตกเป็นร่องลึก ใบเป็นแผ่นหนา รูปรีแกมไข่กลับ สีเขียวเข้ม ออกดอกที่ปลายกิ่ง สีแดงสด กลีบดอก 5 กลีบ และมีผลรูปกระสวย พบบริเวณที่เป็นดินเลนแข็ง หรือดิน
ฝาดดอกขาว (Lumnitzera racemora) เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก เปลือกขรุขระ สีน้ำตาลแดง ใบเป็นใบเดี่ยว กระจายตลอดกิ่ง แผ่นใบแคบ รูปไข่กลับ ดอกออกที่ปลายกิ่งและง่ามใบ ดอกมีสีขาว 5 กลีบ
เหงือกปลาหมอดอกม่วง (Acanthus ilicifolius) มักขึ้นในพื้นป่าชายเลนที่เสื่อมโทรมแล้วและมีน้ำท่วมถึง ส่วนของขอบใบหยักและมีหนามแหลมคม ออกดอกสีฟ้าอมม่วงมีแถบสีเหลืองตรงกลางกลีบดอก
ตาตุ่มทะเล (Exocoecaria agallochaลำต้นมีลักษณะพิเศษ คือ เป็นตุ่มเป็นตา ใบปกติมีสีเขียวอ่อน เมื่อแก่จัดจะเป็นสีเหลืองทั้งต้น แต่บางครั้งอาจพบใบหลายสีบนต้นเดียวกัน ยางมีพิษหากเข้าตาจะทำให้ตาบอดได้ แต่หากกินเข้าไปจะทำให้ท้องเสียอย่างรุนแรง พบมากโดยทั่วไปในที่ดินเลนค่อนข้างแข็งหรือที่ดินเลนปนทรายและปนหิน
จาก (Nypa fruticanเป็นพืชกลุ่มเดียวกับปาล์ม ชอบขึ้นริมฝั่งคลองตามแนวป่าชายเลนหรือบริเวณน้ำกร่อย ชาวประมงนิยมมาทำเป็นหลังคาบ้าน ผลมีลักษณะแทงขึ้นมาเป็นทะลาย นำมาทำเป็นลูกชิดรับประทานได้ ส่วนของน้ำตาลนำมาทำยาแก้ริดสีดวงทวารได้ผลชะงัดนัก

หญ้าทะเล เป็นพืชมีดอกชั้นสูง ที่มีลักษณะภายนอกจะมองดูคล้ายพืชตระกูลหญ้า เจริญเติบโตบริเวณน้ำตื้นชายฝั่ง ในบางพื้นที่จะพบว่ามีหญ้าทะเลเจริญเติบโตอยู่หนาแน่น หญ้าทะเลมีความสำคัญในแง่ที่เป็นผู้ผลิตขั้นต้น บริเวณที่พบหญ้าทะเลส่วนใหญ่จะพบหญ้าทะเลต่อเนื่องมาจากพื้นที่ป่าชายเลน หรือขึ้นปะปนในพื้นที่ป่าชายเลน จึงทำให้ระบบนิเวศทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างซับซ้อนต่อกัน แหล่งหญ้าทะเลเป็นระบบนิเวศหนึ่งที่มีความสมบูรณ์ยิ่ง เนื่องจากปริมาณผลผลิตที่สูงของหญ้าทะเล ส่งผลให้เกิดผลผลิตทางการประมงที่สูงตามไปด้วย เพราะหญ้าทะเลเหล่านี้เป็นแหล่งอาหารสำคัญของสัตว์กินพืชและสัตว์กินซาก ซึ่งเป็นพื้นฐานของห่วงโซ่อาหาร ผืนหญ้าทะเลจึงเปรียบเสมือนกับทุ่งหญ้าขนาดใหญ่์เลี้ยงสัตว์ของท้องทะเล

ที่มาข้อมูลและรูปภาพ: :http://www.sc.psu.ac.th/chm/biodiversity/
mangrove_envi.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รู้จักกับป่าชายเลน

ประโยชน์ของป่าชายเลน      ป่า ชาย เลนมีความสำคัญและประโยชน์อย่างมากมายมหาศาล เพราะป่าชายเลนเป็นที่รวมของพืช สัตว์น้ำและสัตว์บกนานา...